โอวิมานทลายกลับกลายเป็นลม  
ไม่สมอารมณ์ได้แต่ตรมใจ  
คอยแต่คิดแต่ฝันร่ำไป  
คร่ำครวญครั้งไรหัวใจหมองไหม้ระทม  
  
ครวญคะนึงคิดไปทีไรอกใจอาวรณ์  
ใจฉันรอนรอนให้อ่อนอารมณ์  
เคยแต่นึกจะเชยจะชม  
กลับระทมตรอมตรมขื่นขมจิตใจไม่วาย  
  
ฉันจำทนต่อไป  
อนาถใจได้แต่เสียดาย  
ใจแหลกลาญวิมานทลาย  
เจ็บใจได้อายไม่วายให้แค้นใจ  
  
ความหวังพังทลายกลับกลายไปพลัน  
ชอกข้ำรำพันคอยหวั่นร่ำไป  
มาห่างหายกลับกลายไปได้  
ไม่เห็นมีผู้ใดจะคิดปลอบใจบ้างเลย **  
  
โอชะรอยชาติก่อนก่อกรรมทำเวร  
ชาตินี้จึงเป็นไปได้อกเอ๋ย  
เออไฉนไม่ได้ชมเชย  
ไม่เคยคิดเลยเพราะเคยหมายมั่นในใจ  
  
เป็นเพราะใจทะนงคงได้พึ่งพิง  
อาภัพจริงจริงทุกสิ่งแปรไป  
ความที่ฝันก็พลันเลือนไกล  
ไม่หวังให้ใครใครได้รู้ได้ฟังได้ยิน  
  
ฝืนใจให้เบิกบาน  
เจ็บปวดปานเลือดตาไหลริน  
อายแก่คนทั้งในแผ่นดิน  
ยามนอนยามกินต้องตรมแต่น้ำตา  
  
นี่เพราะเป็นเวรกรรมจำทนต่อไป  
ไม่รู้เมื่อไรจะสิ้นสักครา  
ทนแต่รับบาปกรรมทำมา  
ไม่เห็นใครนำพาต้องช้ำอุราโดยเดียว  
  
(หมายเหตุ: บันทึกถึงแค่ **) 
        |