มองดูดาวสุกสกาวพร่างพราวนภา
(ดาวพร่างพราวนภา)
ดวงดาราเจิดแจ่มตากว่าคืนครั้งก่อน
(สวยงามกว่าคืนครั้งก่อน)
ชวนรำพึง เห็นดาวดวงหนึ่งอับแสงรอน ๆ
ฉันอาวรณ์ จะหลับจะนอนร้อนรนดวงใจ
ควรจะงามแต่กลับทรามและงามน้อยไป
(ดูเจ้างามน้อยไป)
เป็นอะไรมืดมนไปสิ้นแรงแสงกล้า
(แสงดาวสิ้นแรงแสงกล้า)
แหงนมองไป ดวงหนึ่งทำไมไร้แสงมัวตา
ดวงอื่นซิพราวท้องฟ้า ประดับนภางามตาพราวไป
ใจกังวล ต้องอับจนมืดมนฤทัย
(พลอยมืดมนฤทัย)
ครวญในใจ บ่นร่ำไปจิตใจไหวหวั่น
(คิดไปจิตใจไหวหวั่น)
ดวงดารานั้นยังมิกล้าแข่งแสงดวงจันทร์
แสงเพ็ญจันทร์จะแข่งตะวัน แสงจันทร์ตกต่ำ
ความเจือจุนสุดแต่บุญเกื้อกูลหนุนนำ
(ตามแต่บุญหนุนนำ)
เจียมใจจำสุดแต่กรรมที่ทำครั้งก่อน
(แล้วแต่บาปกรรมครั้งก่อน)
ฉันเป็นคนได้แต่ดิ้นรนหวังพ้นอาวรณ์
เมื่อบาปและกรรมซ้ำซ้อน
จึงต้องร้าวรอนอาวรณ์เหมือนดาว
|