ชีวิตศิลปินเหมือนนกขมิ้นเหลืองอ่อนค่ำไหนนอนนั่น
ดูละครแล้วย้อนดูตัวเองพลัน
ชีวิตที่มีอาถรรพณ์
เหมือนต้องสาบกันนานมา
ถูกเขาประณามประณามหยามหมิ่น
ว่าเป็นศิลปินต่ำต้อยเหมือนพลอยที่ไร้ค่า
อนิจจาช่างไม่คิดเลยว่า
อยู่ใต้ฟ้าเดียวกันจะเหยียดหยันกันทำไม
(*) สร้างความสุขให้กับคนทั้งโลก
แต่ตัวกลับอาภัพโชคไร้ความชื่นใจ
เต้นไปรำไปใช้ศิลป์เลี้ยงชีวิต
มิใช่คนสิ้นคิดอย่างคำกล่าวหา
ความสุขของศิลปินนั่นหรือ
อยู่ที่เสียงปรบมือมากกว่าเสียงเงินตรา
บนเวทีนั้นจะมีความสุขนานา
แต่ลึกลงไปในอุรากินแต่น้ำตาอาจิณ
(ซ้ำตั้งแต่ * อีกครั้งหนึ่ง)
|