ธนิต
ผลประเสริฐ
ครูธนิต ผลประเสริฐ
จากหนังสือ ขุนพลเพลงแห่งวงสุนทราภรณ์
เกิดเมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๔๖๖ แถวหลังวัดบวรนิเวศ แต่ไปโตที่พระประแดง
จังหวัดสมุทรปราการ เข้าเรียนที่โรงเรียนวัดบางผึ้งใน และโรงเรียนวัดทรงธรรม
อำเภอพระประแดง
ตอนเป็นเด็กสนใจดนตรีไทยเพราะพ่อเป็นหัวหน้าวงปี่พาทย์
จึงหัดและฝึกฝนกับครูคงตั้งแต่อายุเพียง ๕ ขวบ โดยหัดตีระนาดก่อน
แล้วมาหัดแตรวงในเวลาต่อมา เริ่มออกหากินโดยเป็นมือระนาดเอกของวง
เพราะแม้ตอนที่เรียนอยู่ที่วัดบางผึ้งใน ก็ได้แสดงฝีมือจนเป็นที่ปรากฏ
จนทำให้วงดนตรีไทยของโรงเรียนได้รับรางวัลชนะเลิศ
ในการแข่งขันวงดนตรีไทยงานรัฐธรรมนูญ แม้จะมีอายุเพียง ๑๒ ขวบเท่านั้นก็ตาม
เล่ากันว่าสมัยที่เป็นหนุ่มอายุประมาณ ๑๖ ปี ได้เข้ามาเที่ยวงานในกรุงเทพฯ
ได้เห็นนักดนตรีของกรมศิลปากรเล่นดนตรี ก็เกิดความประทับใจ
ใฝ่ฝันที่จะเป็นนักดนตรีกับเขาบ้าง เพราะแต่งตัวโก้ดี
ต่อมามารดาส่งให้เข้ามาเป็นลูกศิษย์ของ ครูเฉลิม บัวทั่ง ศิลปนเอกของกรมศิลป์
เพื่อเรียนด้านการพากย์โขน โดยการแนะนำของครูเวส สุนทรจามร ซึ่งคุ้นเคยกัน แต่ตรูเวส
เห็นว่าครูธนิต ผลประเสริฐ เป่าปี่คาริเน็ตได้
เพราะเคยเล่นกับวงแตรวงที่ปากลัดหากินมาตั้งแต่เด็ก จึงให้หัดเป่าแซกโซโฟน
และเรียนโน้ตสากลเพิ่มเติม
เรียนได้ประมาณปีเศษ ครูเวส สุนทรจามร ก็นำมาฝากครูเอื้อ สุนทรสนาน
ให้เป็นนักดนตรีฝึกหัดของวง วงดนตรีกรมโฆษณาการ ได้เบี้ยเลี้ยงวันละ ๕๐ สตางค์
ต่อมาได้เป็นลุกจ้างรายเดือนได้รับเงินเดือน ๒๐ บาท
จนได้บรรจุเป็นข้าราชการประจำในสมัยต่อมา
นอกจากจะเรียนดนตรีกับครูเวส สุนทรจามรแล้ว ครูธนิต
ยังสนใจศึกษาเพิ่มเติมกับครูไปเปิง นักดนตรีชาวฟิลิปปินส์ฝีมือเยี่ยมของวงอีกด้วย
ในสมัยสงคราม วงดนตรีสุนทราภรณ์ได้ไปบรรเลงตามโรงภาพยนตร์ต่างๆ
เพราะไม่มีภาพยนตร์ฉาย เช่น โรงภาพยนตร์โอเดียน พัฒนาการ เฉลิมกรุง ฯลฯ ครูธนิต
ผลประเสริฐ ได้โชว์ฝีมือการเดี่ยวระนาดฝรั่งในเพลง สาวสมัยใหม่ ที่ขับร้องโดย
เลิศ ประสมทรัพย์ เป็นที่กล่าวขานกันมาก
เพราะฝีมือการเล่นระนาดไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
จากนั้นได้เพิ่มประสบการณ์และวิทยายุทธ์ ด้วยการเล่นดนตรีตามบาร์และไนท์คลับหลายแห่ง
เช่น นานกิงบาร์ มูแลงเบลอร์ แบลคแคท ห้อยเทียนเหลา และภัตตาคารเก้าชั้น
โดยร่วมอยู่ในวงของครูเวส สุนทรจามร และ ซีเกร่า บิดาของแมนรัตน์ ศรีกรานนท์
ต่อมาในปี ๒๔๙๗ ได้อาสาไปราชการที่ประเทศเกาหลี รุ่นเดียวกันกับ สุรพล แสงเอก
เลิศ ประสมทรัพย์ และใหญ่ นภายน
ซึ่งได้สร้างชื่อเสียงให้กับวงดนตรีของกองทัพไทยเป็นอย่างมาก
เพราะเป็นวงดนตรีวงเดียวที่ได้มาตรฐานที่สุด จึงต้องรับงานหนัก
ในการเลี้ยงส่งบรรดาทหารหาญของแต่ละประเทศที่จะอำลากลับมาตุภูมิ
เมื่อกลับมาจากเกาหลี ก็ได้เข้าไปประจำที่กรมประชาสัมพันธ์ตามเดิม พร้อมกันกับ
เลิศ ประสมทรัพย์ และใหญ่ นภายน แต่ก็ยังไปเล่นดนตรีในตอนกลางคืนร่วมกับ
ประสิทธิ์ พยอมยงค์ ที่โรงแรมโอเรียนเต็ล และบาร์ลูน่าคลับ กับนักดนตรีฟิลิปปินส์
ในปี พ.ศ.๒๕๑๑ ได้สมัครไปรบที่เวียดนามอีกครั้ง
เป็นกองพันเสือดำและได้เล่นดนตรีร่วมกับวงดุริยางค์ทหารบก
อยู่ที่เวียดนามได้ประมาณปีครึ่ง ก็เดินทางกลับประเทศไทย
ในด้านการแต่งเพลง ครูธนิต ผลประเสริฐ ได้เริ่มแต่งมาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๙๗ - ๒๔๙๘
เพลงแรกที่แต่ง คือ เพลงจากดวงใจ ซึ่งแต่งคำร้องโดยครูสุรัฐ พุกกะเวส
ซึ่งต่อมาสนิทสนมกัน จนกลายเป็นเพื่อนร่วมน้ำสาบานร่วมกันกับวินัย จุลละบุษปะ
รวมเป็นสามคน
เคยตั้งวงดนตรีธนิตสรณ์ ออกบรรเลงตามงานต่างๆ อยู่บ่อยครั้ง
ผลงานการประพันธ์เพลง ส่วนมากจะเป็นเพลงในแนวไทยเดิม และเพลงรำวง
เพราะมีพื้นฐานด้นนี้มาก่อน เช่น เพลงเพลินเพลงแมมโบ้ ช่า ช่า เพลงจุดไต้ตำตอ
เพลงหนีไม่พ้น เพลงสาวบ้านแต้ เพลงม่านมงคล เพลงเพฃรน้อย เพลงพายเรือพลอดรัก
เพลงเสี่ยงเทียนเสี่ยงรัก เพลงบ่อโศก เพลงดีกันนะ เพลงราตรีประดับดาว ฯลฯ เป็นต้น
ระยะหลังๆ ได้จัดรายการเพลงย้อนยุค ย้อนสมัย ทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง ๑๑
กรมประชาสัมพันธ์ โดยนำเอานักดนตรีรุ่นเก่าๆ และเพลงเก่า มาบรรเลงให้ฟัง
จนเป็นที่ชื่นชมและมีแฟนๆ ตืดตามรายการดังกล่วอยู่ไม่น้อย
ผู้ส่ง
: กังหันลม |