|
ศยาม เกิดเมื่อวันเถลิงศก 15 เมษายน พ.ศ. 2487 เมื่อตอนที่สงครามโลกครั้งที่ 2 จวนสงบ เป็นบุตรคนที่ 2 จากจำนวนพี่น้องทั้งหมด 7 คน เป็นคนกรุงเทพฯ แต่เนื่องจากคุณพ่อรับราชการในกรมป่าไม้ต้องย้ายไปรับราชการในต่างจังหวัดหลายแห่งจึงไปเติบโตในต่างจังหวัด เริ่มเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนสตรีจุลนาค โรงเรียนวัดมกุฎกษัตริยาราม โรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม และจบชั้นมัธยม 6 ที่โรงเรียนประจวบวิทยาลัย หลังจากนั้นได้สอบเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา แล้วมาศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์คณะกสิกรรมและสัตวบาล และที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์นี่เองได้เริ่มหัดเล่นดนตรีกับวง เค.ยู.แบนด์ ซึ่งเป็นวงดนตรีประจำมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยเล่นไวโอลินและเปียโน ซึ่งเครื่องดนตรีทั้งสองชนิดนี้ได้หัดฝึกฝนด้วยตนเอง แต่ในบางครั้งก็ได้ฝึกกับอาจารย์ตามโรงเรียนดนตรีต่างๆ ด้วย แต่ก็ฝึกเล่นได้เฉพาะตอนอยู่ปีหนึ่งเท่านั้น พอขึ้นปีที่สองได้เข้าทำงานที่สถานีวิทยุ ม.ก.ไปด้วย สมัยนั้นวิทยุ ม.ก. ไม่มีโฆษณาแทรกเลย เปิดแต่เพลงสลับกับข่าวเท่านั้น เพลงที่เปิดสมัยนั้นมีเพลงทุกประเภท และแน่นอนมีเพลงของวงดนตรีสุนทราภรณ์รวมอยู่ด้วย กล่าวได้เต็มปากเลยว่าสถานีวิทยุ ม.ก. เป็นหนึ่งในบรรดาสถานีวิทยุไม่กี่แห่งที่สนับสนุนผลงานของวงดนตรีนี้เป็นอย่างมาก และคนที่เสาะหาแผ่นเสียงก็คือ "ศยาม" นี่เอง ซึ่งในบางครั้งที่งบประมาณซื้อแผ่นเสียงของทางสถานีไม่มี ก็ต้องควักกระเป๋าเอาเงินส่วนตัวมาซื้อแผ่นเสียงเอง ผลจากการรวบรวมแผ่นเสียงของวงดนตรีสุนทราภรณ์ครั้งกระนั้นนั่นเอง ทำให้สามารถเก็บรวบรวมผลงานของลงฯ ไว้ให้ห้องสมุดดนตรี "สุนทราภรณ์" หอสมุดแห่งชาติ ได้อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งในการทำงานกับสถานีวิทยุ ม.ก. นี้ ได้ทำเป็นประจำเป็นเวลาถึง 4 ปี หลังจากที่ได้ใกล้ชิดกับผลงานเพลงของวงดนตรีสุนทราภรณ์มานานตั้งแต่เพลง "ปรัชญาขี้เมา", "สายลมเสียงพิณ", "ท่องทะเลทอง", "ดาวประจำใจ" ฯลฯ ก็ได้มามีโอกาสใกล้ชิดกับวงดนตรีจริงๆ หลังจากที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แล้ว สมัยนั้นเพลงสถาบันมีอยู่ 2 แห่ง คือ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เท่านั้น จึงมีความคิดที่จะทำเพลงของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ขึ้นมาแต่ก็ยังไม่ได้ลงมือจริงจัง จนกระทั่งเมื่อสำเร็จการศึกษาไปแล้วพวกนิสิตรุ่นน้องได้มาขอความช่วยเหลือ จึงได้ทำเพลงขึ้นมาในชุด "อาณาจักรขจี" ซึ่งได้เริ่มบรรเลงเผยแพร่ในงานรับน้องใหม่ในปี พ.ศ. 2510 ซึ่งปรากฎว่ามีผู้ชอบกันมากจึงได้ทำการบันทึกเป็นแผ่นเสียงโดยใช้ทุนของตัวเอง หลังจากนั้นก็ได้เขียนเพลงอื่นๆ ให้กับวงดนตรีสุนทราภรณ์มาเป็นเวลานานกว่า 10 ปี รวมเพลงที่แต่งมีจำนวนกว่า 100 เพลง ซึ่งในจำนวนนั้นครึ่งต่อครึ่งเป็นเพลงของสถาบันต่างๆ เช่น พยาบาล , วิทยาลัยและมหาวิทยาลัย จนกระทั่งเพลงประจำจังหวัด หลังจากนั้นก็ได้วางปากกา สาเหตุที่วางปากกานอกจากจะเป็นเพราะขาดแคลนเวลาและอารมณ์แล้ว ยังเป็นเพราะมีความรู้สึกว่าถึงยุคเสื่อมของการเขียนบทเพลงในเมืองไทยเสียแล้ว นามปากกา "ศยาม" มีความหมายว่า ดำ, คล้ำ, มืด ซึ่งหมายถึงว่าไม่อยากเปิดเผยตัว อยากจะขออยู่เพียงหลังฉากเท่านั้น ปัจจุบัน "ศยาม" รับราชการอยู่ที่กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ซึ่งได้ทำมาตั้งแต่สมัยยังเป็นกรมการข้าว นอกจากนี้ยังมีความคิดที่จะทำไร่ทำสวนให้เป็นเกษตรกรเต็มตัวหลังจากที่ได้คลุกคลีอยู่ในวงการเกษตรมานาน ทุกวันนี้งานอดิเรกก็คือการสะสมแถบบันทึกเสียงบทเพลงเก่าๆ ของนักร้องต่างๆ ที่เคยประทับใจสมัยครั้งยังเป็นวัยรุ่น เพื่อรำลึกถึงความหลังอันสดชื่นและเพื่อหลีกเลี่ยงเสียงเพลงที่ถูกยัดเยียดให้ฟังทุกหนทุกแห่งอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เพลงสุดท้ายที่ ศยาม ได้แต่งเนื้อร้อง ร่วมกับทำนองของครูเอื้อ สุนทรสนาน คือ เพลง "สัญญลักษณ์รมย์" ซึ่งเป็นเพลงที่มีเนื้อหาเฉพาะสำหรับวงดนตรีสุนทราภรณ์อีกเพลงหนึ่ง เพลงบทนี้ได้นำออกบรรเลงครั้งแรก ที่สังคีตศาลา ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2524 นั้นคือ ภายหลังจากที่ครูเอื้อได้ล่วงลับไปแล้ว ประมาณเดือนเศษ จากหนังสือ วันสุนทราภรณ์ และ 25 ผู้ร่วมผลงาน โดย สมาคมนักแต่งเพลงร่วมกับวงดนตรีสุนทราภรณ์ ผู้ส่ง : กังหันลม |
บ้านคนรักสุนทราภรณ์ http://dodee.com/suntaraporn |
บทความที่ปรากฎที่นี่เป็นบทความที่คนรักบทเพลงสุนทราภรณ์ เป็นผู้เขียนขึ้นหรือคัดหรือตัดตอนมาจากแหล่งความรู้ต่าง ๆ และส่งมาให้เรา โดยมีเจตนาเพื่อเทิดทูนครูเพลงและบทเพลงสุนทราภรณ์ อีกทั้งเพื่อใช้เป็นแหล่งค้นคว้า หากท่านพบว่าท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์และไม่ประสงค์ที่จะให้มีการเผยแพร่บทความของท่านสู่สาธารณะ โปรดแจ้งให้เราทราบโดยด่วนเพื่อที่เราจะทำการนำออกจากเว็บไซด์ในทันทีที่ได้รับแจ้งจากท่าน โดยท่านสามารถแจ้งให้ทางเราทราบโดยส่ง email ไปที่ บรรณาธิการห้องบทความ |